เลือกฝากครรภ์ที่ไหนดี สิ่งต่างๆที่คุณแม่ต้องคำนึงถึงเบื้องต้น

คุณแม่มือใหม่ต้องรู้! เลือกโรงพยาบาลฝากครรภ์อย่างไรให้ตอบโจทย์

เริ่มต้นเส้นทางคุณแม่: เมื่อต้องเลือกที่ฝากครรภ์

สำหรับคุณแม่ซึ่งส่วนใหญ่อาจจะมีลูกคนแรก ยังไม่เคยมีประสบการณ์ในการฝากครรภ์มาก่อน ไม่รู้ว่าจะไปฝากท้องที่โรงพยาบาลไหนดี หรือ คุณแม่ที่เคยมีประสบการณ์ ซึ่งอาจอยากย้ายที่ฝากครรภ์ สิ่งที่คนส่วนใหญ่จะคำนึงถึง ที่เป็นหัวข้อหลักจะมีต่อไปนี้

3 ปัจจัยหลักที่ต้องพิจารณาเมื่อเลือกโรงพยาบาลฝากครรภ์

1. เวลาและระยะทาง: ปัจจัยสำคัญอันดับแรก

สิ่งนี้ในความเห็นส่วนตัว จะให้ความสำคัญเป็นอันดับต้นๆ เพราะระยะทาง และ เวลาที่ต้องใช้ในการเดินทางสำหรับคุณแม่ที่ตั้งครรภ์ จะมีความลำบากผันแปรกับระยะเวลาที่เพิ่มมากขึ้น คือ ยิ่งท้องใหญ่ขึ้นก็เดินทางลำบามากขึ้นนั่นเอง

นี่ยังไม่พูดถึงกรณีฉุกเฉินต่างๆ เช่น ภาวะผิดปกติต่างๆ การคลอดก่อนกำหนด และ ในช่วงที่ใกล้คลอดซึ่งเป็นช่วงที่ต้องดูแลและเฝ้าระวังมากที่สุดนั่นเอง เพราะถ้ามีตัวเลือกสถานที่ฝากครรภ์ที่เราคิดว่าดี แต่อยู่ไกล กับดีน้อยกว่าหน่อยแต่การเดินทางเร็วกว่า สะดวกกว่า ก็ควรพิจารณาให้ถ้วนถี่

2. ราคาแพคเกจและค่าใช้จ่ายในการคลอด

ราคาในการฝากครรภ์ของแต่ละสถานที่ อาจจะแตกต่างกัน โดยส่วนใหญ่โรงพยาบาล หรือ คลีนิค จะมีแพคเกจเหมารวม ค่ายาบำรุง และ ยาที่จำเป็นสำหรับคุณแม่ที่ตั้งครรภ์ ค่าห้องในวันคลอด แต่ราคาก็อาจจะแตกต่างกันไป ถ้าคลอดโดยธรรมชาติ หรือ ผ่าคลอด ซึ่งอาจจะมีรายละเอียดปลีกย่อยแตกต่างกันออกไป

ถ้าครอบครัวไหนที่จ่ายเงินเองทั้งหมด ก็อาจจะข้ามไปพิจารณาจากปัจจัยอื่นได้เลย ถ้าคนที่เป็นผู้ประกันตนใช้สิทธิประโยชน์จากประกันสังคม เราจะฝากครรภ์ที่โรงพยาบาลไหนก็ได้ ก็สามารถที่จะมาเบิกสิทธิประโยชน์กรณีคลอดบุตรได้

3. การบริการและการดูแล: ประสบการณ์ที่ประเมินค่าไม่ได้

การบริการ และ การดูแลในการฝากครรภ์ ถ้าคนที่มีกำลังทรัพย์ ย่อมต้องมีปัจจัยนี้เข้ามาเกี่ยวข้องด้วย

แต่ส่วนตัวมองว่าอันนี้คงต้องแล้วแต่โชคและจังหวะด้วยส่วนหนึ่ง เพราะเห็นหลายๆครอบครัวจ่ายแพคเกจฝากครรภ์ในโรงพยาบาลราคาแพง แต่ได้รับบริการที่ไม่ประทับใจ หรือ บางครอบครัวฝากครรภ์กับโรงพยาบาลที่ไม่ต้องจ่ายราคาแพง แต่ได้รับการบริการและการดูแลที่น่าประทับใจ ก็มีมาแล้ว อันนี้อาจจะต้องหาข้อมูลคนที่เคยใช้บริการมาก่อนนั่นเอง

คำแนะนำสำคัญ: ฝากครรภ์ที่ไหนดี เมื่อต้องพิจารณาสิทธิประกันสังคม

แต่แนะนำเลยว่า ถ้าเป็นไปได้ คุณแม่ที่ตั้งครรภ์ควรฝากท้องกับโรงพยาบาลที่เราใช้สิทธิประโยชน์จากประกันสังคม หรือ ถ้าเราย้ายโรงพยาบาลเราใช้สิทธิประโยชน์จากประกันสังคมมาเป็นโรงพยาบาลที่เราต้องการฝากครรภ์ได้ล่วงหน้า ก็ควรทำเป็นอย่างยิ่ง

เพราะในกรณีฉุกเฉิน เช่น คุณแม่อาจจะมีภาวะผิดปรกติต่างๆ หรือ ภาวะที่อาจจะคลอดก่อนกำหนด เช่น มีอาการท้องปั้น หรือ ท้องแข็งถี่และบ่อย (ทุกๆสิบนาที) ในเดือนที่ 7 หรือ 8 เป็นเวลาที่มันก้ำกึ่งเหลือเกิน การรักษาจะอยู่ในดุลพินิจของหมอ ซึ่งเบื้องต้นต้องนอนโรงพยาบาลและให้ยาคลายมดลูก เพื่อดูอาการ ค่าใช้จ่ายส่วนนี้ ไม่ครอบคลุมในแพคเกจฝากครรภ์ แต่สามารถที่จะใช้สิทธิประโยชน์จากประกันสังคมจากโรงพยาบาลที่ผู้ประกันตนเลือกไว้ได้เต็มจำนวน

เพราะถ้าคุณแม่เกิดคลอดก่อนกำหนดขึ้นมาจริงๆ ก็คงจะสะดวกกว่าถ้าเป็นโรงพยาบาลที่เราฝากครรภ์เอาไว้ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องค่าใช้จ่าย และ ความต่อเนื่องในการดูแลของหมอนั่นเอง